::การเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปี
|
:: เงินประจำตำแหน่ง
|
:: ข้าราชการและลูกจ้างประจำ
|
:: เงินประจำตำแหน่ง คือ อะไร
|
มีการเลื่อนขั้นเงินเดือนปีละ 2 ครั้ง ดังนี้
|
เงินประจำตำแหน่ง คือ เงินประจำตำแหน่งตามพระราชบัญญัติ
|
ครั้งที่ 1 : ณ วันที่ 1 เมษายน ของปีงบประมาณ
|
เงินเดือน และเงินประจำตำแหน่ง พ.ศ. 2538 (เงินประจำตำแหน่ง
|
ครั้งที่ 2 : ณ วันที่ 1 ตุลาคม ของปีงบประมาณ |
ประเภทบริหารและประเภทวิชาการ)
|
:: พนักงานสายวิชาการและบริการ
|
กงช. คือ คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ
|
จะมีการเลื่อนขั้นเงินเดือนปีละ 1 ครั้ง คือ ณ วันที่ 1 ตุลาคม ของปีงบประมาณ
|
:: เงินประจำตำแหน่งจะดำเนินการอย่างไร
|
:: จะเริ่มดำเนินการเมื่อไร
|
1 มหาวิทยาลัยมีคำสั่งแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ และประเภทบริหาร |
ครั้งที่ 1 ประมาณเดือน กุมภาพันธ์ - เดือนมีนาคมของทุกปี
|
2 กองการบริหารงานบุคคลส่งเอกสารประกอบการพิจารณาขอกำหนด |
เดือนกุมภาพันธ์ ของทุกปี... |
ตำแหน่งไปให้ทบวงมหาวิทยาลัยตรวจสอบ |
คณะ/หน่วยงาน ควรเตรียมข้อมูลต่าง ๆ เพื่อประกอบ
|
3 ทบวงมหาวิทยาลัยส่งเอกสารฯกลับมาให้มหาวิทยาลัยหากไม่มีการแก้ไข |
การพิจารณาเลื่อนขั้นเงิน เดือนข้าราชการ และลูกจ้างประจำ ในสังกัด |
มหาวิทยาลัยส่งเอกสารไปให้ กงช. เพื่อขอกำหนดตำแหน่ง |
เดือนมีนาคม ของทุกปี... |
4 มหาวิทยาลัยดำเนินการเบิก-จ่ายเงินประจำตำแหน่งให้กับผู้ที่ได้รับ |
มหาวิทยาลัยพิจารณาการเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการและลูกจ้างประจำ
|
:: สิทธิการลา(ข้าราชการและพนักงาน)
|
ประจำปี และจัดทำคำสั่งฯ (ครั้งที่ 1) |
เดือนเมษายน ของทุกปี... |
การลาป่วย
|
มหาวิทยาลัยดำเนินการเบิกจ่ายเงินตามคำสั่งฯ |
- กรณีลาป่วยติดต่อกันตั้งแต่ 30 วันขึ้นไป ต้องมีใบรับรองแพทย์
|
ครั้งที่ 2 ประมาณเดือน กรกฏาคม - เดือนตุลาคมของทุกปี
|
- กรณีลาป่วยไม่ถึง 30 วันถ้าผู้มีอำนาจอนุญาตเห็นสมควรจะสั่งให้มี
|
ใบรับรองแพทย์ประกอบการลาก็ได้
|
เดือนกรกฎาคม ของทุกปี... |
- มีสิทธิได้รับเงินเดือนระหว่างลาป่วยปีหนึ่งได้ 60-120 วัน
|
คณะ/หน่วยงาน ควรเตรียมข้อมูลต่าง ๆๆ เพื่อประกอบการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือน ข้าราชการ และลูกจ้างประจำ ในสังกัด |
- ให้จัดส่งใบลาก่อนหรือในวันที่ลาก็ได้ |
เดือนสิงหาคม ของทุกปี... |
การลาคลอดบุตร
|
มหาวิทยาลัยพิจารณาการเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการและลูกจ้างประจำ ประจำปีและจัดทำคำสั่งฯ (ครั้งที่ 2)
|
- มีสิทธิลาคลอดบุตรครั้งหนึ่งได้ 90 วัน (นับวันหยุดราชการรวมด้วย)
|
เดือนกันยายน ของทุกปี... |
- มีสิทธิได้รับเงินเดือนระหว่างลาคลอดบุตร 90 วัน |
มหาวิทยาลัยดำเนินการเบิกจ่ายเงินตามคำสั่งฯ |
- ให้จัดส่งใบลาก่อนหรือในวันที่ลาก็ได้ |
::หลักเกณฑ์การเลื่อนขั้นเงินเดือน
|
การลากิจส่วนตัว
|
:: ต้องปฏิบัติงานตามหน้าที่ด้วยความสามารถ และอุตสาหะ
|
ลากิจส่วนตัว (ด้วยเหตุอื่นๆ)
|
:: ต้องไม่ถูกสั่งลงโทษทางวินัยที่หนักกว่าโทษภาคทันต์
|
- มีสิทธิได้รับเงินเดือนระหว่างลา ปีหนึ่งได้ 60-120 วัน
|
:: ต้องไม่ถูกสั่งพักราชการเกินกว่าสองเดือน
|
- เมื่อมีราชการจำเป็นเกิดขึ้นระหว่างลา ผู้บังคับบัญชา จะเรียกตัวมาปฏิบัติ ราชการก็ได้
|
:: ต้องไม่ขาดราชการโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
|
ลากิจส่วนตัว(เพื่อเลี้ยงดูบุตร )
|
:: กรณีผู้ไปศึกษา ฝึกอบรม และดูงาน ต้องได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการ
|
- ข้าราชการที่ลาคลอดบุตร90วัน(นับวันหยุดราชการรวมด้วย)
|
ในครึ่งปีที่แล้ว มาเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสี่เดือน |
โดยได้รับเงินเดือนแล้วมีสิทธิลากิจส่วนตัว |
:: การเบิก-จ่ายเงินตกเบิก
|
- เพื่อเลี้ยงดูบุตรได้ไม่เกิน 150 วันทำการ โดยไม่มีสิทธิได้รับเงินเดือน ระหว่างลา
|
เงินตกเบิก คือ อะไร
|
การลาพักผ่อน
|
เงินตกเบิก คือ เงินเดือนที่ได้รับเพิ่มขึ้นย้อนหลังไปถึงวันที่ระบุในคำสั่ง
|
- มีสิทธิลาพักผ่อนปีหนึ่งได้ 10 วันทำการ |
การเบิก-จ่ายเงินตกเบิกทำอย่างไร
|
- ผู้ได้รับการบรรจุครั้งแรก หรือบรรจุกลับเข้ารับราชการ ในปีงบประมาณ
|
1 มหาวิทยาลัยมีคำสั่งให้ได้รับเงินเดือนเพิ่มย้อนหลัง
|
ใดไม่ถึง 6 เดือน ไม่มีสิทธิลาพักผ่อนในปีงบประมาณนั้น |
2 กองการบริหารงานบุคคลจัดทำเอกสารประกอบการเบิก-จ่าย ส่งกองคลัง
|
- ปีงบประมาณต่อไป หากไม่ได้ใช้วันลาสามารถสะสมได้ |
3 กองคลังดำเนินการเบิก-จ่ายกับคลังจังหวัดพิษณุโลก
|
การลาอุปสมบทหรือการลาไปประกอบพิธีฮัจย์
|
4 กองคลังจ่ายเงินให้กับผู้ได้รับเงินตกเบิก
|
ต้องอุปสมบทหรือออกเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ภายใน 10 วันนับแต่วัน
|
|
เริ่มลา และจะต้องกลับมารายงานตัวกลับเข้าปฏิบัติราการภายใน 5 วัน
|
|
การนับวันลา!
|
- นับวันลาตามปีงบประมาณ |
- วันลาป่วย วันลากิจส่วนตัว และวันลาพักผ่อน ให้นับเฉพาะวันทำการ
|